ปรากฎการณ์ธรรมชาติของอัญมณี (Phenomenon)

      ปรากฎการณ์ธรรมชาติหมายถึง ลักษณะพิเศษ หรือปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในอัญมณี ซึ่งอาจเกิดจากตำหนิในอัญมณี (Inclusions) โครงสร้างทางกายภาพของอัญมณี (Physical Structure) หรือ การดูดกลืนของแสงในอัญมณี (Selective Absorption) ปรากฎการณ์หรือลักษณะพิเศษที่เกิดขึ้นในอัญมณีมีดังนี้

  1. สาแหรกหรืออสตาร์ (Asterism or Start) เกิดจากแสงสะท้อนจากตำหนิเส้นเข็มในอัญมณีตัดกันมากกว่า 1 ระนาบ พบได้ในพลอยสตาร์ทับทิม (Start Ruby) หรือ สตาร์ซัฟไฟร์ (Start Sapphire) สังเกตุได้จากแสงสะท้อนหรือแสงส่องผ่าน
     
  2. ตาแมว (Chatoyancy or Cat's eye) เกิดจากแสงสะท้อนจากตำหนิเส้นเข็มขนานกัน  1 ระนาบ พบได้ใน พลอยคริสโซเบอริลตาแมว (Cat's eye Chrysoberyl) ควอทซ์ตาแมว (Cat's eye Quartz) หรือทัวมาลีนตาแมว (Cat's eye Tourmaline)
     
  3. อะเวนจูเรสเซนส์ (Aventurescence) เกิดจากแสงสะท้อนจากตำหนิลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆ ของแผ่นแร่ จะเห็นเป็นเกล็ดระยิบระยับในอัญมณี เช่น พลอยซันสโตน ออลิโกเคลส (Sunstone Oligoclase) ซึ่งมีแผ่นคอปเปอร์ (Copper Platelet) หรือแผ่นเฮมาไทท์ (Haematite Platelet) พลอยอะเวนจูรีน ควอทซ์ (Aventurine Quartz) ซึ่งมีแผ่นฟุคไซท์ ไมก้า (Fuchsite Mica Platelet)
     
  4. การเปลี่ยนสี (Change of Colour) เกิดจากการดูดกลืนแสงและการผ่านแสงพบได้จากพลอยอเล็กซานไดร์คริสโซเบอริล (Alexandrite Chrysobery) พลอยซัฟไฟร์เปลี่ยนสี (Alexandrite-like Sapphire) 
     
  5. การเล่นสี (Play of Colour) เกิดจากโครงสร้างภายในประกอบด้วยธาตุซิลิคอนทรงกลม (Silicon Sphere) เมื่อแสงส่องผ่านและกระทบบนธาตุซิลิคอนจะเกิดเป็นลักษณะหย่อมสีหลายๆสี เช่น สีแดง สีน้ำเงิน เป็นต้น พบได้จากพลอยโอปอล (Opal) และ โอปอลสังเคราะห์ (Shythetic Opal)
     
  6. แลบบราโดเรสเซนส์ (Labradorescene) เกิดเนื่องจากเส้นระนบแฝด (Repeated Twinning) ที่อยู่ในผลึกบาางชนิด เมื่อแสงส่องผานและแทรกเข้าไปในเส้นระนาบแฝดเกิดมีลักษณะเป็นแผ่นสีฟ้า-เขียวเหลิือบไปมาบนผิวอัญมณี มักพบในพลอยแลบบราโดไรท์ เฟลด์สปราร์ (Labradorite Feldspar)
     
  7. อะดูลาเรสเซนต์ (Adularescence) เกิดเนื่องจากสีในผลึกอยู่ในลักษณะเป็นชั้นและมีความหนาของชั้นสีไม่เท่ากันเมื่อแสงส่องผ่านและกระทบชั้นสี เกิดมีลักษณะเป็นแผ่นสีขาวหรือฟ้าเหลือบไปมาบน ผิวพลอยมักพบในพลอย มูนสโตนออโธเคลส (Moonstone Orthoclase) คนไทยเรียกว่า "พลอยมุกดาหาร"
     
  8. อิริเดสเซนต์ (Iridescence) เกิดจากการส่องผ่านและแตกกระจายของแสงอยู่ในผลึก มักพบในพลอยไฟร์อะเก็ท (Fire Agate Chalcedony)
     
  9. โอเรียนท์ (Orient) เกิดเนื่องจากแสงส่องผ่านและกระทบพื้นผิวเกิดมีลักษณะแบบรุ้งสี มักพบในไข่มุกแลเปลือกหอยบางชนิด